วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Verb to be

สถิติผู้เข้าชม...
Website counter
ยินดีต้อนรับจ้า



Verb to be เป็นกริยาช่วย [Auxiliary helping verb] ประเภทหนึ่ง  ที่ใช้ในการแสดงสภาพ  ใช้เชื่อมประธานกับคำขยายประธานส่วนใหญ่  แล้วมักจะไม่แปลความหมาย  ทั้งนี้ทั้งนั้นแปลหรือไม่แปลความหมายนั้นขึ้นอยู่กับบริบทนั้นๆ ค่ะ  โดยปกติแล้ว Verb to be นั้นแบ่งออกเป็น  กลุ่มคือ
    
     1. กลุ่มที่ใช้กับเหตุการณ์ปัจจุบัน [Present] ประกอบด้วย is,am,are ให้ความหมายว่า เป็น,อยู่,คือ
     2. กลุ่มที่ใช้กับเหตุการณ์ในอดีต [Past] ประกอบด้วย was,were ให้ความหมายเหมือนกันกับ is,am,are



             


การใช้ V.to be แต่ละตัวมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ค่ะ

     is,am,are ใช้กับเหตุการณ์ปัจจุบัน สามารถใช้กับสรรพนาม [Pronoun] แต่ละตัวดังต่อไปนี้

     is ใช้กับ He,She,It,คำนามหรือประธานเอกพจน์ [สังเกตจากการเติม article : a,an หน้าคำนามนั้น]
     am ใช้กับ เท่านั้น
     are ใช้กับ They,We,You,คำนามหรือประธานพหูพจน์ [สังเกตจากการเติม s,es ที่คำนามนั้นๆ]





ตัวอย่าง

     She is a nurse. หล่อนเป็นพยาบาล
     He is happy. เขามีความสุข
     A pig is fat. หมูตัวอ้วน
     I am a student. ผมเป็นนักเรียน
     They are at home. พวกเขาอยู่ที่บ้าน
     We are working now. พวกเรากำลังทำงานอยู่ตอนนี้
     You are a good guy. คุณคือคนดี
     Students are diligent. นักเรียนขยัน



               


     was,were ใช้กับเหตุการณ์ในอดีต สามารถใช้กับสรรพนาม [Pronoun] แต่ละตัวดังต่อไปนี้

     was ใช้กับ I,He,She,It
     were ใช้กับ They,We,You,คำนามพหูพจน์ [สังเกตจากการเติม s,es]




ตัวอย่าง

     She was a nurse. หล่อนเป็นพยาบาล
     He was happy. เขามีความสุข
     A pig was fat. หมูตัวอ้วน
     I was a student. ผมเป็นนักเรียน
     They were at home. พวกเขาอยู่ที่บ้าน
     We were working now. พวกเรากำลังทำงานอยู่ตอนนี้
     You were a good guy. คุณคือคนดี

     Students were diligent. นักเรียนขยัน


              


การเชื่อมความระหว่างประธานกับคำขยาย  มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ค่ะ

1. ใช้ Verb to be เชื่อมประธานกับคำนาม [Noun] และสรรพนาม [Pronoun] เช่น 
    
     - You and I are friends. (คุณกับผมเป็นเพื่อนกัน) 
     - That kitten is Big John’s. (ลูกแมวตัวนั้นเป็นของบิ๊กจอห์น)
     - They are Thai students. (พวกเขาเป็นนักเรียน)


2. ใช้ Verb to be เชื่อมประธานกับคำคุณศัพท์ [Adjective] และคำวิเศษณ์  [Adverb] เช่น 

     - My aunt is big-hearted. (ป้าของผมเป็นคนใจดี) [เชื่อมประธานกับ big-hearted ซึ่งเป็น Adj.]
     - My aunt is really big-hearted. (ป้าของผมเป็นคนใจดีมากๆ) [เชื่อมประธานกับ really ซึ่งเป็น Adv. ที่ไปขยาย big-hearted ซึ่งเป็น Adj.]
     - She is half-blooded. (หล่อนเป็นลูกครึ่ง) [เชื่อมประธานกับ half-blooded ซึ่งเป็น Adj.]
     - That man is cold-blooded. (เขาเป็นคนเลือดเย็น) [เชื่อมประธานกับ cold-blooded ซึ่งเป็น Adj.]


3. ใช้ Verb to be เชื่อมประธานกับบุรพบท [Preposition] เพื่อแสดงหรือบ่งบอกตำแหน่งของประธาน เช่น 

     - The big box is on the table. (กล่องใบใหญ่ใบนั้นวางอยู่บนโต๊ะ) [เชื่อมประธานกับบุรพบท on]
     - She is at home. (หล่อนอยู่ที่บ้าน) [เชื่อมประธานกับบุรพบท at]

4. ใช้ Verb to be เป็นตัวประกอบโครงสร้างประโยค Present Continuous Tense [S. + is,am,are+ V.ing] หรือ Past Continuouse Tense [S. + was,were + V.ing] เช่น   
    
     - We are reading books now. (พวกเรากำลังอ่านหนังสืออยู่ตอนนี้) 
     - My sister is cooking at the moment. (พี่สาวผมกำลังทำอาหารอยู่ตอนนี้)


             


การแต่งประโยคปฏิเสธ [Negative sentence] และประโยคคำถาม [Interrogative sentence]  โดยใช้ Verb to be มาช่วย

1. ประโยคปฏิเสธทำได้ง่ายๆโดยการเติม not ไปหลัง V.to be นั้นๆ เช่น

     I am not a student.ผมไม่ได้เป็นนักเรียน
     She is not happy. หล่อนไม่มีความสุข 
     They are not studying now. พวกเขาไม่ได้กำลังเรียนอยู่ตอนนี้

สามารถแสดงเป็นโครงสร้างได้ดังต่อไปนี้

     S. + V.to be [is,am,are,was,were] + คำขยายอื่นๆ อันได้แก่  Noun, Pronoun, Gerund[V.ing], V.ing, Adjective, Prepositional phrase

2. ประโยคคำถามสามารถทำได้โดยการย้ายตำแหน่ง Verb to be มาอยู่หน้าประธานแล้วเติมเครื่องหมายคำถามท้ายประโยค เช่น

     Am I wrong? ผมผิดเหรอ?
     Is your son? ลูกชายคุณเหรอ
     Are you happy today? คุณมีความสุขไหมวันนี้?




     นอกจากนี้แล้วเรายังใช้ Verb to be ประกอบโครงสร้าง Passive Voice ซึ่งเป็นประโยคที่ ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ โดยมีโครงสร้างดังต่อไปนี้ กรรมในประโยค Active + V.to be [is,am,are,was,were] + V.3 + by +ประธานในประโยค Active




ตัวอย่าง

     Active Voice: That dog bit Big John yesterday. หมาตัวนั้นกัดบิ๊กจอห์นเมื่อวานนี้
     Passive Voice: Big John was bitten by that dog yesterday. บิ๊กจอห์นถูกหมาตัวนั้นกัดเมื่อวานนี้


             


การแปลความหมาย
    
     เราจะแปลความหมายก็ต่อเมื่อเราใช้ Verb to be ตัวนั้นๆ เป็นกริยาสำคัญหรือกริยาหลักในประโยค  เช่น
    
     I am a teacher. ผมเป็นครู [แปล เพราะ V.to be ในที่นี้เป็นกริยาหลัก] 
     I am working. ผมกำลังทำงานอยู่ [ไม่แปล เพราะ V.to be ในที่นี้เป็นตัวประกอบโครงสร้าง Tense]
     I am happy. ผมมีความสุข [ไม่แปลเพราะ V.to be ในที่นี้เป็นเพียงตัวเชื่อมประธานกับขยายแสดงสภาพประธาน]


              

ตัวอย่างการสอน Verb to be









             

 CLOCK         



 MUSI          

-เที่ยงคืนสิบห้านาที-
M U S I C CAFE : LUN LA

             

69 ความคิดเห็น:

  1. ช่วยติชมด้วยนะคะ ^^*

    ตอบลบ
  2. ได้ความรุ้เพิ่มขึ้นเยอะมากเลยครับ ไงมาให้ความรุ้เรื่องอื่นบ่อยนะครับ จะรอบล็อคดีดีอีกครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ค่ะ จะมีบล็อคดีๆ ตามมาเรื่อยๆ เลยค่ะ ขอบคุณค่ะ ..

      ลบ
  3. เนื้อหาสาระดีมากค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณมากค่ะ จะพัฒนา ปรับปรุง ไปเรื่อยๆ เลยค่ะ

      ลบ
  4. ช่วยอธิบายเรื่อง been ที่เป็นอดีตอีกตัวเพิ่มได้ไหมค่ะ ว่าใช้ยังไง ไม่ค่อยเข้าใจน่ะค่ะ รบกวนด้วยค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. be กับ been ก็เหมือน is, am, are, was, were ค่ะ เป็น verb to be ซึ่งแปลว่า "เป็น อยู่ คือ"


      ทีนี้เวลาเราบอกว่า


      ฉัน "เป็น" นักเรียน (present simple) เราก็เขียน I AM a student.

      แต่ ฉัน "จะเป็น" นักเรียน (future) เราจะเขียนว่า ?I will am a student ไม่ได้ ทางเดียวที่ทำได้คือ ใช้ be แทน am: I will BE a student in the fall. (will + v1: verb to be ที่เป็น base form คือ be)

      ในกรณีที่จะ บอกว่าฉัน "เป็น" นักเรียนมาช่วงหนึ่งแล้ว (present perfect) เราก็เขียนว่า ?I have am a student ไม่ได้ เราก็ต้องเขียนว่า I have BEEN a student for a year. (have + v3: verb to be ที่เป็น v3 คือ been)

      หรือ


      หล่อน "อยู่" บ้าน: She IS home.

      หล่อนจะ "อยู่" บ้านตอน 3 โมง: She will BE home at 3. (ใช้ ?she will is home ไม่ได้ เพราะว่า will + base form และ base form ของ verb to be = be)

      หล่อน "อยู่" บ้านมา 3 ชม แล้ว: She has BEEN home for 3 hours. (ใช้ ?she has is home ไม่ได้ เพราะว่า has + past participle และ past participle ของ verb to be = been)

      ลบ
  5. เนื้อหาดี มีสาระ มีประโยชน์ คร่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณค่ะ จะพัฒนา blog ต่อไปเรื่อยๆ เลยค่ะ

      ลบ
  6. ขอบคุณสำหรับตความรู้ดีๆนะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ค่ะ จะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ

      ลบ
  7. อ่านเเล้วเข้าจัยดีค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณค่ะ แล้วเข้ามาดูการเปลี่ยนแปลง การพัฒนาอีกครั้งหน้านะคะ

      ลบ
  8. สีสันสวยงาม น่าอ่านมากๆค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณมากค่ะ จะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ เลยค่ะ

      ลบ
  9. ขอบคุณ วิธีการแต่งประโยคปฏิเสธ
    ตอนนี้หายข้องใจแล้วค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ค่ะ จะพัฒนา blog ไปเรื่อยๆ นะคะ

      ลบ
  10. ดีมาก เรย คะ..

    เข้าใจ มากขึ้นกว่าเดิมเยอะเรย ^^

    ตอบลบ
  11. ว้าวๆ น่าสนใจมากเลยคะ เห็นบล๊อคเเล้วอยากอ่านมากๆ ข้อมูลมีความรู้ที่เข้าใจได้ง่ายมากๆค่ะ ได้อะไรเยอะ!!!!!!! ^0^

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. จะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ เลยค่ะ
      ยังไงก็เข้ามาดูเรื่อยๆ นะคะ

      ลบ
  12. เรื่องเล็กๆ แต่บางครั้งก็เข้าใจยาก ขอบคุณสำหรับบล็อคนี้ที่ทำให้เข้าใจเพิ่มมากขึ้นนะคะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณสำหรับคำติชมนะคะ จะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆนะคะ

      ลบ
  13. เนื้อหาน่าอ่านค่ะ เข้าใจง่าย

    ตอบลบ
  14. มีงานส่งครูแล้ว ขอบคุงนะฮ๊า เย๊ ๆ ๆ ^ ^

    ตอบลบ
  15. เนื้อหาละเอียดดีค่ะ อ่านแล้วเข้าใจง่าย

    ตอบลบ
  16. เนื้อหามีประโยชน์เหมาะสำหรับการเรียนรู้ดีมาก

    ตอบลบ
  17. ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆที่มีให้ศึกษานะค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ค่ะ จะพยายามนำความรู้ใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้อีกนะคะ

      ลบ
  18. ขอบคุรกับเนื้อหาค่ะ มีประโยชน์มากเรยค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. จะพัฒนา blog ไปเรื่อยๆ เลยค่ะ

      ลบ
  19. เนื้อหาดีมากเลยค่ะ ได้ประโยชน์ไปทำราบงานค่ะ

    ตอบลบ
  20. อ่านแล้วเข้าใจง่ายดีค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ค่ะ ถ้าสงสัยอะไร ทิ้งคำถามไว้ได้เลยนะคะ

      ลบ
  21. ขอบคุณสำหรับเนื้อหาดีๆค่ะ

    ตอบลบ
  22. ขอบคุณมากๆค๊าๆๆๆๆ ได้ความรู้เพิ่มกว่าเดิมเยอะเลยค๊าาๆๆๆ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ค่ะ ขอบคุณเช่นกันค่ะ ที่เข้ามาติชม
      ยังไงจะพยายามพัฒนา blog ต่อไปเรื่อยๆ นะคะ

      ลบ
  23. ขอบคุณค๊าาาาาาา ได้ความรู้เพิ่มเติมเยอะเลยยยค๊าาาา

    ตอบลบ
  24. ขอบคุณสำหรับเนื้อหาดีๆ ที่มาแบ่งปันน่ะค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ค่ะ เราจะพัฒนา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ

      ลบ
  25. ปรับปรุงใหม่หรอคะ ?
    น่ารัก สวยงาม สีสันสดใสมากเลยค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ใช่แล้วค่ะ
      ขอบคุณคำติชมนะคะ
      จะพัฒนาอีกเรื่อยๆ ค่ะ

      ลบ
  26. สีสันสวยงาม เนื้อหาเข้าใจง่าย ดีมากๆเลยค่ะ

    ตอบลบ
  27. ขอบคุณสำหรับเนื้อหาสาระที่ดีๆแบบนี้นะค่ะที่นำมาแบ่งปันกัน

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ค่ะ จะพัฒนา blog ต่อไปเรื่อยๆ นะคะ

      ลบ
  28. เนื้อหาครบถ้วน มีประโยชน์ในการเรียนมากๆเลยค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณค่ะ เข้ามาติชมอีกนะคะ
      เราจะปรับปรุงใหม่เรื่อยๆ ค่ะ

      ลบ
  29. การนำเสนอน่าสนใจมากคะ

    ตอบลบ
  30. เนื่อหาน่าเรียนรู้มากเลยค่ะ มีเพลงประกอบด้วยน่าสนใจมากเลยค่ะ

    ตอบลบ
  31. เนื้อหาดีมากเลยค่ะ น่าสนใจมาก ขอบคุณนะคะ

    ตอบลบ
  32. เนื้อหาน่าสนใจมากคะ

    ตอบลบ
  33. เนื้อหาน่าสนใจดีคะ

    ตอบลบ
  34. การนำเสนอเนื้อหาน่าสนใจดีนะคะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณค่ะ จะพัฒนา blog ต่อไปเรื่อยๆ นะคะ

      ลบ
  35. อ่านแล้วได้ความรู้ดีมากเลยค่ะ

    ตอบลบ